
บทเรียนชีวิตในปี 2020
กลับมารักษาธรรมเนียมประจำปีของตัวเองค่ะ นอกจากชอบเขียน life reflection ปลายปีของตัวเองแล้วฝนยังชอบตามอ่าน reflection ของคนอื่นด้วยเช่นกัน โดยปกติแล้วฝนจะเขียนเป็นรีวิวชีวิตตัวเองแต่ละด้านๆไปในปีนั้นๆ เช่นด้านการทำงาน ด้านครอบครัว ด้านการท่องเที่ยว เป็นต้น แต่ปีนี้อยากเขียนเป็นบทเรียนที่ตัวเองได้เรียนรู้ระหว่างปี เลยขอยกบทเรียนที่ตัวเองได้เรียนรู้มาซัก 10 ข้อก็แล้วกัน
บทเรียนชีวิตในปี 2020
1. สุขภาพกายนั้นสำคัญ
คิดว่าคำนี้น่าจะเป็นคำพูดที่เราทุกคนน่าจะได้ยินจนเบื่อแล้ว แต่มันคือสิ่งที่สำคัญจริงๆ สุขภาพในที่นี้ฝนหมายถึงทั้งสุขภาพกาย สุขภาพจิตใจ และสุขภาพของจิตวิญญาณของเราเอง ปี 2020 น่าจะเป็นปีที่ทำให้เราหลายๆคนละเลยการดูแลสุขภาพของตัวเอง ไม่ว่าจากการที่ lockdown ไม่สามารถออกไปออกไปออกกำลังกายได้ มี lifestyle ที่ active น้อยลงเพราะทำงานจากที่บ้าน เป็นต้น และเมื่อสุขภาพกายของเราอ่อนแอลง ก็ส่งผลต่อสุขภาพจิตใจของเราด้วยเช่นกัน หรือบางครั้งเมือสุขภาพจิตใจของเราอยู่ในภาวะเหนื่อยล้า เครียด โอกาสที่เราอยากใช้พลังงานในการดูแลสุขภาพกายก็ลดน้อยลงเช่นกัน
ฝนเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ละเลยกานดูแลสุขภาพกายของตัวเองเป็นเวลาหลายเดือนในปี 2020 เนื่องจากเมื่อฝนเดินทางมาถึงออสเตรเลียในเดือนมีนาคม ประเทศนี้ก็ประกาศ lockdown พอดี ฝนเลยใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในอพาร์ทเม้นต์ หลังจากที่ประเทศออสเตรเลียประกาศยกเลิก lockdown แล้ว นิสัยของการทำงาน อ่านหนังสือ กิน นอน จึงยังติดตัวฝนมา จนถึงจุดนึงที่ฝนเริ่มรับรู้ถึงความอ่อนแอของสุขภาพจิตใจของตัวเอง ฝนจึงเริ่มหันกลับมาสนใจสุขภาพทางกายด้วยเช่นกัน ประกอบกับช่วงนั้นไปอ่านเจองานวิจัยเกี่ยวกับการใช้อาหารเพื่อรักษาผู้ป่วยที่มีอาการของโรคซึมเศร้าและวิตกกังวลในระดับไม่รุนแรงพอดี เลยเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเอง เริ่มใส่ใจอาหารการกินมากขึ้น
ในช่วง 4 เดือนหลังของปี 2020 ฝนจึงเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างจริงจังในส่วนของสุขภาพทางกาย จากคนที่ชอบกินเนื้อสัตว์มาก มโนว่าตัวเองต้องสั่งเมนูที่มีเนื้อทุกครั้งที่ไปร้านอาหาร โดยเฉพาะหมูสามชั้นนี่ของโปรดเลยจ้าาา ตอนนี้ฝนกินผัก ผลไม้ ถั่ว และปลาแซลมอนเป็นอาหารหลัก กินเนื้อสัตว์อื่นๆบ้างเดือนละ 1-2 ครั้งเวลาที่ไปร้านอาหารที่มีเมนูที่น่าลอง การลดการกินเนื้อของตัวเอง ทำให้ฝนและอาร์ชี่ (สามี) มีความสุขกับการกินอาหารร่วมกันมากขึ้น เพราะเวลาออกไปร้านอาหารเราไม่จำเป็นต้องพยายามหาร้านที่มีเนื้อที่ฝนชอบและมีอาหารมังสวิรัติให้อาร์ชี่ เพราะตอนนี้ฝนสามารถแชร์อาหารมังสวิรัติกับนางได้
จากคนที่ไม่ชอบออกกำลังกายเท่าไหร่ นอกจากการวิ่ง ซึ่งฝนก็ไม่ได้ออกไปวิ่งเป็นเวลาหลายเดือนตั้งแต่มาถึงออสเตรเลียในเดือนมีนาคม ฝนก็ได้สร้างนิสัยของการออกกำลังกายใหม่ให้ตัวเอง โดยการไปสมัครยิมเป็นครั้งแรกของชีวิต ก่อนหน้านั้นตอนอยู่ไทย คือไปยิมบ้างเพื่อไปเต้นซุมบ้าหรือเข้าคลาส functional training แต่ก็นานๆครั้ง ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกที่ฝนเข้ายิมอย่างจริงจัง โดยการเข้ายิมสัปดาห์ละ 5 วัน วันละ 1 ชั่วโมง วิ่งนอกยิมสัปดาห์ละประมาณ 2 ครั้ง เพราะการวิ่งยังคงเป็นการออกกำลังกายที่ฝนชอบมากที่สุด ฝนฟัง audiobook ในตอนเข้ายิมในตอนเช้าเพื่อที่จะได้รักษาสุขภาพกายและจิตใจหรือจิตวิญญาณไปพร้อมๆกัน ฮ่าๆๆ รู้สึกว่าหากไปยิมเฉยๆ วันละ 1 ชั่วโมงจะรู้สึกเสียดายเวลา
หลังจากที่ได้ดูแลสุขภาพกายของตัวเองอย่างจริงจังใน 4 เดือนสุดท้ายของ 2020 ก็พบว่า ตัวเองรู้สึกว่ามีพลังงานเพิ่มมากขึ้นที่จะทำสิ่งต่างๆในชีวิตประจำวัน ชอบตัวเองมากขึ้น ชอบหุ่นของตัวเองเป็นครั้งแรกในชีวิต รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเบาสบายและสะอาด ฮ่าๆๆ
“Health is the greatest possession. Contentment is the greatest treasure. Confidence is the greatest friend.”
― Lao Tzu
2. ความเหงานั้นมีจริง
ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ฝนไม่ได้อยู่ไทยเป็นเวลาหลายเดือนติดต่อกัน และมีบางช่วงที่คนที่ฝนเจอคนเดียวในช่วงหลายสัปดาห์คือสามี การไม่ค่อยได้ออกไปเจอกับผู้คน และการต้องอยู่ในสังคมที่แตกต่างไป ทำให้ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฝนรู้สึกเหงา พอเหงาก็รู้สึกเศร้า พอเศร้าแล้วก็ไม่อยากทำอะไร มันส่งผลต่อกันและกันไปหมด ฮ่าๆๆ และแม้บางครั้งฝนออกไปเจอเพื่อนของอาร์ชี่ (ยังไม่มีเพื่อนเป็นของตัวเอง ฮ่าๆๆ) เนื่องจากความสนใจที่ค่อนข้างแตกต่างกัน ฝนไม่ดูทีวี ในขณะที่สาวๆนี่ที่ชอบคุยกันเรื่อง tv shows เป็นต้น ก็เลยรู้สึกว่าตัวเองต้องหาเพื่อนที่มีความสนใจที่คล้ายๆฝน ฝนเลยเริ่มหา book club ที่น่าสนใจ เพื่อจะได้รู้จักกลุ่มคนที่มีความสนใจคล้ายๆกัน ฝนส่วนของกาคิดถึงคนใสนครอบครัว ฝนวิดีโอคุยกับแม่ค่อนข้างบ่อย พ่อบ่อยน้อยกว่าแม่ กับแหม่มนี่คุยกันทุกวัน ตอนนี้ความเหงาน้อยลงแล้ว แต่ช่วงที่เหงามากๆรู้สึกว่ามันเป็นอารมณ์ที่ชัดเจนและสำคัญมากเลยอยากบันทึกเอาไว้ และรู้สึกขอบคุณตัวเองที่รับรู้ความรู้สึกตัวเองเวลาที่เหงา และพยายามหาวิธีกำจัดความเหงาให้ตัวเอง โดยที่ไม่ปล่อยให้ความเหงาสร้างพื้นที่ที่ใหญ่เกินไปในจิตใจ
“Solitude is fine but you need someone to tell that solitude is fine.”
― Honoré de Balzac
3. การมีคนคนนึงที่คอยรับฟังเราได้เสมอนั้นดีจริงๆนะ
บางครั้งการใช้ชีวิตก็ทำให้เรารู้สึกเหนื่อย บางครั้งเราก็มีปัญหาเยอะเยอะมากมาย บางครั้งอยู่ๆเราก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล การมีคนคนนึงในชีวิตที่เราสามารถบอกเล่าทุกเรื่องราวให้ฟังได้ เป็นสิ่งที่สำคัญ คนคนนั้นอาจจะเป็นคู่ชีวิต คนในครอบครัว เพื่อน หรือนักจิตวิทยา ฝนโชคดีที่ฝนมีแหม่ม ที่ฝนรู้ว่าฝนสามารถระบายทุกอย่างให้ฟังได้ โดยที่แหม่มจะเป็น support ให้ฝนเสมอ
“Sometimes all a person wants is an empathetic ear; all he or she needs is to talk it out. Just offering a listening ear and an understanding heart for his or her suffering can be a big comfort.”
― Roy T. Bennett
4. ช่วยเหลือผู้อื่นผ่านวิธีที่ตัวเองทำได้
ในตอนที่ฝนเด็กๆฝนเคยมีไอเดียว่าฝนอยากทำงานใน NGO เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือผู้อื่น มีเงินมากพอที่จัช่วยเหลือผู้อื่น แต่ในตอนนี้ในอายุ 32 ก็พบว่า เราไม่ต้องเป็น volunteer เพื่อที่จะช่วยเหลือผู้อื่น ไม่จำเป็นต้องมีเงินมากพอที่จะช่วยเหลือผู้อื่น เราสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้เสมอในที่ๆตัวเองอยู่ ด้วยสิ่งที่ตัวเองมี อาจจะช่วยด้วยสกิลที่ตัวเองมี ผ่านการทำงานของตัวเองด้วยความตั้งใจจริงใจ ที่อยากให้ผู้อื่นได้รับผลประโยชน์จากงานที่เราทำ ผ่านการรับฟังบุคคลข้างหน้าของเราอย่างที่ให้ความสนใจแก่เขา 100% ผ่านการให้กำลังใจหรือแรงบันดาลใจแก่ผู้อื่น
“The purpose of life is not to be happy. It is to be useful, to be honorable, to be compassionate, to have it make some difference that you have lived and lived well.”
― Ralph Waldo Emerson
5. อย่าพยายามควบคุมสิ่งที่นอกเหนือการควบคุมของเรา
การพยายามควบคุมสิ่งที่นอกเหนือการควบคุมของตัวเรา จะนำมาซึ่งความทุกข์ อะไรคือสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของเรา? ตัวอย่างเช่น ความคิดเห็นของผู้อื่นต่อตัวเอง การกระทำของผู้อื่น เราไม่สามารถควบคุมสิ่งเหล่านี้ได้ และหากยิ่งเราพยายามที่จะควบคุมพวกมัน แล้วพบว่าเราทำไม่ได้ ทำให้เราผิดหวังที่เราไม่สามารถทำให้คนอื่นชอบเราได้ หรือมีพฤติกรรมไปในทางที่เราอยากให้เขามี เราก็จะยิ่งเป็นทุกข์ ดังนั้นหากอยากใช้ชีวิตให้สบายใจได้มากขึ้น ก็ต้องแนกให้ออกว่าอะไรที่อยู่เหนือการควบคุมของเรา และปล่อยวางสิ่งเหล่านั้น แล้วมาควบคุมสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ ซึ่งก็คือปฏิกิริยาที่เราจะมีต่อสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิต การกระทำของเราเอง
“Freedom is the only worthy goal in life. It is won by disregarding things that lie beyond our control.”
― Epictetus
6. ประเมินความคาดหวัง
เราหลายๆคนรู้สึกถูกกดดันทั้งจากความคาดหวังที่เรามีให้ตัวเองและความคาดหวังของคนรอบตัว ฝนโชคดีที่ตัวเองไม่มีคนรอบตัวมาตั้งความคาดหวังในตัวฝนให้ฝนต้องรู้สึกว่าโดนกดดัน แต่ฝนมีความคาดหวังในตัวเองที่บางครั้งฝนก็ต้องย้อนกลับมาพิจารณาว่ามันสมเหตุสมผลหรือเปล่า
“My expectations were reduced to zero when I was 21. Everything since then has been a bonus.”
― Stephen W. Hawking
7. เมื่อเราทำสิ่งที่รัก งานคือสิ่งที่เราอยากตื่นขึ้นมาทำในทุกๆวัน
ฝนรักงานที่ตัวเองทำมาตลอด แต่ปีนี้น่าจะเป็นปีที่ฝนยิ่งตกหลุมรักกับงานตัวเองมากขึ้น ฮ่าๆๆ งานหลักๆที่ฝนทำคือ SEO (search engine optimisation) และ Google Ads ปีหน้าฝนก็จะทำ SEO ได้ครบ 10 ปีและ แต่ยิ่งทำงานฝนก็ยิ่งชอบ อาจจะด้วยธรรมชาติของ SEO ที่เราจะเห็นผลได้จากการทำสิ่งที่ถูกต้องได้ในระยะเวลาหนึ่ง เหมือนประโยชน์ที่เราได้จากการสร้างนิสัยที่ดี ซึ่งเป็นสิ่งที่ฝนชอบ และการจะเป็น SEO ที่ดีได้ เราต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาเพราะ Google เปลี่ยนแปลงและเติบโตตลอด เราก็ต้องเปลี่ยนแปลงและพยายามพัฒนาสกิลของตัวเองตลอดเวลาด้วยเช่นกัน นอกจากตัวเนื้องานที่ฝนชอบแล้ว ฝนยังมีทีมงานเล็กๆของตัวเองที่น่ารักมาก ให้ความรู้สึกเหมือนครอบครัว ทุกคนสื่อสาร ห่วงใยและเคารพในกันและกัน เลยทำให้ฝนอยากที่จะตื่นมาร่วมทำงานและเติบโตพร้อมกันไปกับพวกเขาในทุกๆวัน
“The only way to do great work is to love what you do.”
― Steve Jobs
8. ในสถานการณ์ร้ายๆก็มีสิ่งดีๆแฝงอยู่
Covid 19 ทำให้ชีวิตของเราหลายๆคนลำบากมากขึ้น ธุรกิจย่ำแย่ บางคนสูญเสียคนที่รัก ปัญหาทางครอบครัวมีมากขึ้นเนื่องจากปัญหาทางการเงินมีเพิ่มมากขึ้น เดือนที่แล้วฝนเข้าร่วม event ของ Women Network Australia หนึ่งในเรื่องที่เขาพูดถึงคือจำนวนเคสความรุนแรงในครอบครัวในออสเตรเลียที่มีเพิ่มมากขึ้นหลายเท่ามากในช่วง Covid เนื่องจากความตึงเครียดของสถานการณ์ ท่ามกลางความ negative เหล่านี้ สิ่งดีๆที่มาพร้อมกับ Covid ก็มีอยู่เช่นกัน เช่นการที่หลายๆบริษัทตระหนักได้ว่า พนักงานไม่จำเป็นต้องเข้าไปทำงานที่บริษัท 5 วันต่อสัปดาห์เพื่อสร้างผลงานที่พวกเขาต้องสร้าง หลายๆบริษัทอนุญาตให้พนักงานทำงานที่บ้านได้ หรือจะเข้ามาทำงานในออฟฟิศเป็นบางครั้งก็ได้ ทำวัฒนธรรมการทำงานของหลายๆที่พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น คนวัยทำงานมีโอกาสใช้เวลากับคนในครอบครัวมากขึ้น ลดการเดินทางและการใช้พาหนะที่ปล่อยก๊าซพิษ
หลายๆคนได้มีโอกาสหยุดจากไขว่คว้าหน้าที่การงาน ตำแหน่งทางสังคม ที่ตัวเองพยายามไล่ล่ามาตลอด แล้วได้คิดทบทวนว่าตัวเองกำลังให้ความสำคัญกับสิ่งที่สำคัญต่อชีวิตของตัวเองจริงๆหรือเปล่า
หลายๆคนได้มีโอกาสได้รับรู้ถึงความสำคัญของคนที่อยู่ในชีวิตของตัวเอง เพื่อน และครอบครัวและได้อยู่เคียงข้างในสถานการณ์ที่ลำบาก
หลายๆคนได้มีโอกาสที่จะเริ่ม reset ชีวิตของตัวเองใหม่อีกครั้ง เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองมากขึ้น ตัวเองชอบอะไร ตัวเองมีความสามารถอะไรบ้าง อะไรบ้างคือสิ่งที่ตัวเองให้ความสำคัญในชีวิต
ท่ามกลางสถานการณ์ร้ายๆของปี 2020 เรามีโอกาสได้เห็นความเข้มแข็งของตัวเราในการก้าวผ่านหรือรับมือกับความเจ็บปวด และอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ฝนรู้เสียเสียใจด้วยและอยากให้กำลังใจกับคนที่ต้องสูญเสียคนที่รัก หรือบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญของชีวิตไปในปีนี้
“There are no facts, only interpretations.”
― Friedrich Nietzsche
9. ความรู้สึกขอบคุณ คือคุณลักษณะที่จำเป็น
Gratitude หรือความรู้สึกขอบคุณสิ่งต่างๆในชีวิตไม่ว่าสิ่งนั้นจะเล็กน้อยแค่ไหน คือสิ่งที่จำเป็น เพราะหากเรารู้สึกขอบคุณและพึงพอใจในสิ่งต่างๆที่เรามีในชีวิตในแต่ละขณะ เราก็จะไม่รู้สึกว่าตัวเองขาด ไม่เพียงพอ ต้องไล่ล่าสิ่งที่ตัวเองไม่มี การรู้สึกขอบคุณสิ่งต่างๆที่ตัวเองมีขณะที่จะช่วยทำหน้าที่เป็นรากฐานที่แข็งแรงให้ตัวเรา ในขณะที่เราค่อยๆเติบโตและทำในสิ่งที่เราอยากทำ“Be grateful for what you already have while you pursue your goals.
If you aren’t grateful for what you already have, what makes you think you would be happy with more.”
― Roy T. Bennett
10. เติบโตขึ้นในแต่ละวัน
การพยายามเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับชีวิตของคนอื่น สามารถนำมาซึ่งความรู้สึกไม่ถึงพอใจในชีวิตของตัวเอง ยิ่งในปัจจุบันเราเสพโซเชียลมิเดียกันเยอะและมักจะรู้สึกว่าชีวิตของคนอื่นดูดี ดูมีความสุข ทำไมชีวิตของเราไม่เป็นอย่างพวกเขาทั้งๆที่จริงๆแล้วเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า เบื้องหลังโซเชียลมิเดียแล้วชีวิตของพวกเขาเป็นอย่างเรา เราแค่เสพสิ่งที่ผู้อื่นอยากให้เราเสพ หากคนที่ติดตามโซเชียลมิเดียของฝนก็จะรู้สึกว่าชีวิตฝนดู positive ดูความความสุขดีจัง เพราะนั้นคือสิ่งที่ฝนอยากนำเสนอ แต่จริงๆแล้วฝนก็มีด้านของชีวิตที่เหนื่อย ที่เศร้า ที่ร้องไห้ ดังนั้นแทนที่จะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบการชีวิตของผู้อื่น เราเอาพลังงานมาใช้ในการทำตัวเองในแต่ละวันให้ดีขึ้นกว่าวันที่ผ่านมา กว่าเดือนที่ผ่านมา กว่าปีที่ผ่านมา ชีวิตเราอาจจะไม่ได้ดูหวือหวาอะไรมากมาย แต่หากเรารู้ว่าเรากำลังเดินไปในเส้นทางชีวิตที่เราเลือกเอง ที่เป็นของเราเอง และเราก็เติบใตในฐานะของบุคคลคนนึงในแต่ละวัน ชีวิตก็น่าจะง่ายขึ้น สดใสขึ้นค่ะเป้าหมายในชีวิตของแต่ละคนต่างกัน สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็แตกต่างกัน นี่คือสิ่งที่ฝนได้เรียนรู้ในปี 2020 สำหรับปี 2021 ฝนก็จะยังคงจะพยายามพัฒนาตัวเองในทุกๆวัน ช่วยเหลือผู้อื่นเมื่อมีโอกาส ใช้ชีวิตอย่างสมดุลในแต่ละด้าน และเตรียมสุขภาพกายใจ จิตวิญญาณให้พร้อมกับทุกอย่างที่จะเข้ามาในปี 2021 ค่ะ 🙂
“When you arise in the morning think of what a privilege it is to be alive, to think, to enjoy, to love …” ― Marcus Aurelius, Meditations


You May Also Like
