5 love languages
Psychology

5 ภาษารัก ( The 5 Love Languages) คุณแสดงความรักแบบไหน?

คุณเคยรู้ว่ามาก่อนหรือเปล่าคะว่าความรักก็มีภาษาเช่นกัน ลองอ่านบทความนี้ดูนะคะ เป็นแนวคิดที่มาจากหนังสือ The Five Love Languages ของ Dr. Gary Chapman มีแปลเป็นภาษาไทยแล้วนะคะชื่อ “ภาษารัก : เคล็ดลับสู่ความรักที่ยืนยาว ฝน สรุปมาแบบสั้นๆ ค่ะ

คุณเคยรู้ว่ามาก่อนหรือเปล่าคะว่าความรักก็มีภาษาเช่นกัน 😊
ภาษารักเป็นแนวคิดที่มาจากหนังสือ The Five Love Languages ของ Dr. Gary Chapman มีแปลเป็นภาษาไทยแล้วนะคะชื่อ “ภาษารัก : เคล็ดลับสู่ความรักที่ยืนยาว ฝนสรุปมาแบบสั้นๆ ลองอ่านดูได้นะค้าาาา🍀🥰🌸

หลายคืนก่อนขณะที่กำลังนั่งจิบค็อกเทลกับสามี น้องชายของสามี และเพื่อนอีกคนนึง ในบาร์ชิคๆบรรยากาศชิลๆเวลาประมาณตีสองกว่าๆ เพื่อนก็เล่าให้ฟังเธอกำลังอ่านหนังสือเกี่ยวกับปรัชญาแห่งความรักอยู่ คุยไปคุยมาเราเลยคุยกันมาถึงภาษารัก 5 ภาษา แนวคิดที่ Dr. Gary Chapman เขียนอยู่ในหนังสือชื่อ The Five Love Languages( มีแปลเป็นภาษาไทยแล้วนะคะชื่อ “ภาษารัก : เคล็ดลับสู่ความรักที่ยืนยาว”)
“ภาษารักแบบไหน เป็นสิ่งที่เธอให้ความสำคัญมากที่สุด” เพื่อนถามฝน
ฝนคิดไปซักพักนึง นั่นสิ ฝนชอบการสื่อสารความรักแบบไหนมากที่สุด

เมื่อเกิดคำถาม ก็ตามสไตล์ของฝนค่ะ ขออ่านเพิ่มเติมอีกหน่อย อ่านแล้วเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดเลยแอบขอเอามาแชร์กับคนอื่นด้วยค่ะ เผื่อมีคนสนใจอยากรู้เกี่ยวกับภาษารักของตัวเอง

ภาษารัก 5 ภาษาเป็นแนวคิดของ Dr. Gary Chapman ผู้ที่หลังจากการใช้เวลากว่า 30 กว่าปีในการให้การปรึกษาชีวิตคู่ ก็พบว่าจริงๆแล้วในหลายๆกรณีคนรักเราไม่ได้ไม่รักเรา แต่แค่แต่ละคนมีวิธีการสื่อสารความรักที่แตกต่างกันทำให้บางครั้ง เราไม่ได้รู้สึกรักเท่าที่เราอยากจะรู้สึก เพราะว่าเขาสื่อสารกันคนละภาษากับเรา ก็คงคล้ายๆกับภาษาพูดที่มีหลายภาษานั่นแหละ บางครั้งเราถนัดพูดไทย เราก็พูดไทยใส่คนรักของเราที่เป็นคนพูดภาษาอื่น เขาก็ไม่เข้าใจสิ่งที่เราพยายามจะสื่อสาร

ถึงแม้ว่าหนังสือภาษารักของ Dr. Gary Chapman จะเน้นไปที่ความสัมพันธ์เกี่ยวกับความรักแบบหนุ่มสาว แต่แนวคิดเกี่ยวกับภาษารักนี้ สามารถนำมาใช้ได้ในความสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆได้เช่นกันกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบเพื่อน พี่น้อง พ่อแม่ เพื่อนร่วมงาน เป็นต้น

Dr. Gary Chapman แบ่งภาษารักออกเป็น 5 แบบใหญ่ๆด้วยกัน คนทั่วไปจะมีภาษารักที่ตัวเองให้ความสำคัญอยู่มากกว่าหนึ่งแบบค่ะ ประมาณ 2-3 แบบแค่ระดับความสำคัญแตกต่างกัน การรู้ว่าคนที่เรารักใช้ภาษารักแบบไหนจะทำให้สื่อสารกับพวกเขาได้ตรงมากขึ้นค่ะ ว่าแล้วเรามาดูกันเลยดีกว่าค่ะ ว่าภาษารักทั้ง 5 ภาษามีอะไรบ้าง


1. Words of Affirmation หรือบอกรักด้วยคำพูด

คนกลุ่มนี้ชอบการสื่อสารความรักผ่านคำพูด ไม่ว่าจะเป็นการพูดบอกรัก เช่น ผมรักคุณ เค้ารักแกนะ การพูดชื่นชม เช่น ฉันภูมิใจในตัวเธอมากเลยนะ การพูดให้กำลังใจ เช่น ฉันเชื่อว่าเธอทำได้ หรือขอบคุณในโอกาสต่างๆ นอกจากนี้คนกลุ่มนี้จะไวต่อคำพูดแรงๆ หากโดนติหรือว่ากล่าวจากคนรักของพวกเขา พวกเขาจะเจ็บปวกดมากเป็นพิเศษ

ถ้าคนที่เรารักมีภาษารักแบบนี้ คุณลองหาโอกาสพูดหรือเขียนข้อความบอกรัก ชื่นชมหรือขอบคุณเขาให้บ่อยให้ดูนะคะ เพื่อที่เขาจะได้รู้สึกว่าเป็นคนที่ถูกรักมากขึ้น หรือถ้าคุณเป็นคนที่ชอบการบอกรักผ่านคำพูดแต่คนรักของคุณไม่รู้ ก็อาจจะลองหาโอกาสบอกเขาตรงๆก็ได้นะคะ ว่าคุณจะรู้สึกว่าได้รับความรักมากขึ้นหากพวกเขาบอกรักคุณบ้าง ชื่นชมคุณบ้างในบางโอกาส

2. Physical Touch หรือบอกรักด้วยสัมผัส

สัมผัสเป็นภาษาแรกที่เราเรียนรู้ตั้งแต่เราเป็นทารก การสัมผัสมีส่วนช่วยในการพัฒนาทางสังคมและพฤติกรรมของเด็กน้อย และการสัมผัสก็ยังคงการสื่อสารที่สำคัญมากสำหรับพวกเราบางคน คนที่ชอบสื่อสารภาษารักผ่านการสัมผัส จะชอบแสดงออกและได้รับความรักผ่านการกอด การหอมแก้ม การจับมือ การโอบไหล่ หรือการสัมผัสแบบอื่นๆ

ถ้าหากคนที่เรารักมีภาษารักแบบนี้ ลองหาโอกาสกอดเขาให้มากขึ้น จับมือเขาให้มากขึ้นเขา สังเกตุดูกว่าเขาชอบให้คุณสัมผัสแบบไหน (สามีของฝนเขาชอบให้ฝนลูบหัวนางเบาๆเวลาอยู่ด้วยกันสองคน ถ้าออกไปข้างนอกเขาก็ชอบการเดินจับมือ) แต่ในขณะเดียวกันเราก็ต้องดูความเหมาะสมของสถานการณ์และวัฒนธรรมด้วยเช่นกันค่ะ

3. Acts of Service หรือบอกรักด้วยการทำอะไรบางอย่างให้

คนที่ชอบสื่อสารภาษารักประเภทนี้ จะเชื่อว่าการกระทำนั้นบางครั้งสำคัญกว่าคำพูด พวกเขาอาจจะไม่ได้มาคอยบอกรักหรือชื่นชมคุณด้วยคำพูดหวานๆบ่อยๆ แต่พวกเขาจะคอยช่วยเหลือแบ่งเบาภาระเล็กๆน้อยๆของคุณ เช่น ช่วยทำงานบ้าน ทำอาหารให้กิน การขับรถไปส่ง อาสานวดให้คุณเมื่อคุณบ่นว่าเมื่อย ช่วยเหลือคุณทำงานอื่นๆเล็กๆน้อยๆเมื่อเห็นว่าคุณกำลังยุ่งอยู่ ภาษารักแบบนี้ยังรวมไปถึงการให้คำแนะนำ หรือพยายามช่วยแก้ปัญหาเวลาที่คนรักมีปัญหาและคุณสามารถช่วยเหลือได้

หากคุณที่คุณอยากบอกรักเขามีภาษารักแบบนี้ลองหาโอกาสแสดงความรักของคุณให้เขาเห็นผ่านการดูแลช่วยเหลืออะไรเล็กๆน้อยๆดูนะคะ ช่วยซักผ้า จัดห้อง ล้างจาน ทำธุระเล็กๆน้อยๆให้ สำหรับคนที่มีลูกน้อย อาจจะลองอาสาดูแลลูกให้ เ แต่ก็ควรระวังว่าไม่ทำให้ระดับที่เยอะไปจนกลายเป็นการไปยุ่งทุกเรื่อง ทำในระดับที่พอดีๆค่ะ

4. Receiving Gifts หรือบอกรักด้วยของขวัญ

คนที่มีภาษารักแบบนี้เป็นภาษาหลัก เชื่อว่าของขวัญเป็นการสัญลักษณ์สื่อความรักที่สำคัญ เพราะนั่นหมายถึงคนที่จะให้ของขวัญแก่เขานั้น คิดถึงเขาในขณะที่จะซื้อของขวัญให้ พวกเขาชอบได้รับและให้ของขวัญในโอกาสสำคัญต่างๆ หรือในช่วงวันธรรมดา พวกเขาไม่ใช่พวกวัตถุนิยม และสิ่งสำคัญไม่ใช่ราคาของของขวัญ ของขวัญอาจจะเป็นอะไรเล็กๆน้อยๆที่คุณทำเองก็ได้ สิ่งที่สำคัญคือการที่เขาได้รู้สึกว่าคุณคิดถึงเขา

การสื่อสารความรักผ่านของขวัญเป็นอะไรที่คนจำนวนมากนิยมใช้ เพราะไม่ใช่แค่มันทำให้คนรับรู้สึกดี คนให้ก็รู้สึกดีเช่นกัน แต่เราก็ต้องพิจารณาว่าคนที่เรารักเขาต้องการความรักรูปแบบอื่นด้วยหรือเปล่า อย่าใช้ของขวัญเป็นสิ่งทดแทนความรักแบบอื่นที่คุณให้ไม่ได้ ตัวอย่างเช่น คนที่คุณรักอาจจะให้ความสำคัญกับการใช้เวลาร่วมกัน แต่คุณยุ่งเรื่องงานมากจนไม่สามารถใช้เวลาร่วมกันได้มาก คุณก็ใช้การให้ของขวัญเป็นสิ่งทดแทน การทำอย่างนี้ในระยะยาวอาจจะทำให้เกิดปัญหาในความสัมพันธ์ได้เช่นกันค่ะ

5. Quality Time หรือบอกรักด้วยการใช้เวลาร่วมกัน

คนที่ชอบสื่อสารความรักผ่านการใช้เวลาร่วมกันจะให้ความสำคัญกับการมีโอกาสได้ทำกิจกรรมต่างๆกับคนที่ตัวเองรักอย่างไม่มีคนอื่นมารบกวน หรือบางครั้งแค่อยู่ด้วยกันเฉยๆได้พูดคุยสนทนากันอย่างใส่ใจและไม่รีบร้อนก็เป็นอะไรที่พวกเขาชอบ การใช้เวลาร่วมกันอาจจะฟังดูเหมือนเป็นอะไรที่ทำได้ง่ายแต่จริงๆแล้วในปัจจุบันนั้น มันเป็นอะไรที่เรามองข้ามไปมาก แค่การอยู่ด้วยกันในสถานที่เดียวกัน แต่ต่างคนต่างเล่นกับมือถือของตัวเอง ไม่ถือว่าเป็นการใช้เวลาร่วมกันอย่างมีคุณภาพ การมีบทสนทนาที่ฝ่ายนึงไม่ได้ตั้งใจฟังจริงๆก็ไม่ถือว่าเป็นการใช้เวลาร่วมกันอย่างมีคุณภาพ สิ่งที่สำคัญก็คือ คุณอยู่ตรงนั้นกับคนที่คุณรักจริงๆ ทำกิจกรรมที่ทั้งคุณและคนที่คุณรักชอบหรือสนใจ
หากคนที่คุณรักมีภาษารักแบบนี้เป็นภาษาหลัก ลองชวนเขาหากิจกรรมที่ทำร่วมกันดูค่ะ หรือครั้งหน้าเวลาอยู่ด้วยกันลองตั้งใจฟังสิ่งที่เขาพูดจริงๆโดยที่ไม่เล่นมือถือหรือฟังเพื่อที่จะโต้แย้งค่ะ ลองฟังแบบรับฟังเขาจริงๆ อยู่ตรงนั้นด้วยกันจริงๆ

อ่านมาถึงตอนนี้แล้วเราหลายๆคนน่าจะพอรู้ว่าภาษารักของตัวเองคืออะไร อะไรคือสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่หากคุณยังไม่ค่อยแน่ใจว่าจริงๆแล้วตัวเองชอบอะไร ลองทำแบบสอบถามด้านล่างนี้ได้นะคะ

สำหรับคนมีคู่ https://www.5lovelanguages.com/quizzes/couples-quiz/
สำหรับคนโสด https://www.5lovelanguages.com/quizzes/singles-quiz/

ฝนทำออกมาแล้วได้ผลว่าภาษารักหลักของตัวเองการบอกรักผ่านการสัมผัส ฮ่าๆๆ ฝนก็ชอบสัมผัสจริงนั่นแหละ ชอบการกอด การจับมือ การหอมแก้ม หลังจากที่รู้ผลของตัวเองแล้วฝนก็แอบขอให้สามีทำด้วย ของเขาได้คะแนนสูงสุดในส่วนของการใช้เวลาร่วมกัน หลังจากที่แต่งงานด้วยกันมาเกือบ 8 ปีแล้วเราค้นพบว่า การใช้เวลาร่วมกันที่ฝนและสามีชอบมากที่สุดก็คือการเดินเล่นด้วยกันค่ะเวลาที่เรามีเรื่องที่ต้องคุยหรือปรึกษาหารือกัน ก็จะออกไปเดิน เวลาที่รู้สึกไม่ค่อยได้ใช้เวลาด้วยกันเท่าที่ควรก็จะชวนกันออกไปเดิน เวลาที่ทะเลาะกัน หากอารมณ์เย็นลงมาระดับนึงก็จะชวนกันออกไปเดิน บางครั้งก็เดินกันแบบจริงจังมากเดิน 5-6 กิโล ฮ่าๆๆ

ภาษารักก็เหมือนกับสิ่งอื่นๆอีกหลายๆอย่างในชีวิต แต่ละคนก็ชอบไม่เหมือนกัน มีความชอบเป็นของตัวเอง ฝนว่าอีกสิ่งนึงที่สำคัญไม่แพ้กันนอกจากการรู้ว่าภาษารักของตัวเองเป็นแบบไหน คือการสื่อสารให้คนรักของเราได้รู้ว่า นี่คือสิ่งที่เราชอบนะ เพื่อที่เขาจะได้รู้ด้วย จะได้เข้าใจตรงกันค่ะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *